สารเติมแต่งในน้ำมันเครื่อง (AdditiveX จำเป็นหรือไม่?


จากบทความเรื่อง "เบสออยล์ คืออะไร?" ได้เกริ่นไปแล้วว่าในน้ำมันเครื่องจะประกอบไปด้วย เบสออยล์ 97-99% ผสมกับสารเติมแต่งหรือ Additive อีก 0.1-3% วันนี้ PPMC Lubricants จะมาเล่าให้ฟังว่า Additive คืออะไรแล้วทำไมต้องมี





เปรียบเทียบง่ายๆเหมือนคนเรากินข้าว แล้วทำไมยังต้องกินอาหารเสริมเพิ่มอีก? (เว้นแต่กินอาหารครบ 5 หมู่อยู่แล้ว) ก็เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป เช่นเดียวกัน การขับเคลื่อนรถยนต์มีส่วนประกอบมากมาย ลำพังจะให้น้ำมันหล่อลื่นลูกสูบอย่างเดียวก็จะไม่ได้ประสิทธิภาพหรือสมรรถนะเท่าที่ควร จะเห็นได้ว่าในกลุ่มรถยุโรป มักจะกำหนดมาตรฐานลงในคู่มือ เช่น Porsche C40, BMW Longlife 04, Mercedes Benz 229.52 เป็นต้น


ผู้ผลิตน้ำมันเครื่องจึงคิดค้นสูตร (Package) ของ Additive เพื่อรีดสมรรถนะของรถออกมาให้ได้มากที่สุด หรือเพื่อให้ผ่านมาตรฐานของแบรนด์รถยนต์ ซึ่งสูตรของแต่ละแบรนด์แต่ละรุ่นของน้ำมันเครื่องจะแตกต่างกัน และเป็นความลับทางการค้าที่ผู้ผลิตจะไม่เปิดเผย แต่จะเห็นได้ในรูปแบบของมาตรฐานที่ผ่าน (API, ACEA และ แบรนด์รถยนต์) หรือที่เห็นได้บ่อยๆ คือ DPF (Diesel Particulate Filter)



EXOL Optima C3 LSG จะมีคำว่า "Diesel Particulate Filter Compatible" อยู่ที่หลังฉลาก มาจาก Additive ในน้ำมันเครื่องมีสารชะล้าง DPF ผสมอยู่ด้วย นั่นเอง







น้ำมันเครื่องแบรนด์เดียวกันในแต่ละรุ่นจะผ่านมาตรฐานของแบรนด์รถยนต์แตกต่างกัน ก็มาจาก Additive's Package ที่แตกต่างกันนั่นเอง



จะเห็นได้เลยว่าแม้ Additive เพียงแค่ 0.1% - 3% ก็มีผลกับคุณภาพของน้ำมันเครื่องและสมรรถนะของเครื่องยนต์พอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้นผู้ใช้งานควรต้องพิจารณามาตรฐานของน้ำมันเครื่องที่จะใช้ให้เหมาะสมกับรถที่ใช้อยู่ เพื่อความคุ้มค่า และได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่รถยนต์


ด้วยความปรารถนาดีจาก PPMC Lubricants